ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า ได้เดินทางไปติดตามความคืบหน้ากรณีคุณยายใช้เชือกผูกหลานสาววัย 6 ปี เสียชีวิต โดยบรรยากาศที่บริเวณศาลาวัชรพิมลพรรณ ข้างเมรุ วัดท่ามะนาว ต.วังด้ง อ.เมือง จ.กาญจนบุรี พบญาติๆ กำลังจัดเตรียมรอรับศพ ด.ญ.สิริปัญธิชา  อยู่เย็น อายุ 6 ปี (หรือน้องทิชา) โดยมีแม่กับ นายจำรูญ  จันทร์ทอง คุณตา ซึ่งเป็นสามีของคุณยาย ไปรับน้องธิชาจากสถานบันนิติเวช มาตั้งศพบำเพ็ญกุศล ยังวัดท่ามะนาว และทางแม่กับคุณตา แจ้งมาว่าจะไม่มีการรดน้ำศพน้องธิชา

 

และระหว่างที่กำลังรอศพน้องธิชา ผู้สื่อข่าวได้สอบถามเพื่อนบ้าน โดยบ้านมีรั้วติดกัน แจ้งว่า อดีตคุณยาย  เคยทำงานเป็นแคทดี้ อยู่ในสนามกอล์ฟแห่งหนึ่ง และเมื่อหลานเกิดมาและร่างพิการทางสมอง คุณยาย จึงได้ลาออกมาเพื่อเลี้ยงหลานตั่งแต่เกิดมา โดยให้ นายจำรูญ กับ ลูกสาวแม่ของน้องธิชา  ไปทำโดยคุณยายก็มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว และล่าสุดไปตรวจพบว่าตัว้องมีทั้งโรคความดัน เบาหวาน ล่าสุดไปตรวจพบว่าเป็นโรคไตเพิ่มมาอีก และต้องฉีดยาเป็นระยะ รวมถึงจะต้องไปฟอกไตทุกเดือน ไม่เคยบอกให้เพื่อบ้านทราบกับอาการให้คนนอกได้รับทราบ  เรื่องนี้อาจจะเก็บไว้จนเกิดความเครียดสะสมมา จนทำให้เกิดการคิดสั้น ประกอบกับคุณยายเป็นคนที่รักหลานคนนี้มาก เคยพูดว่าหากตัวเองเป็นอะไรไปใครจะดูแลหลานคนนี้  จึงน่าจะเป็นสาเหตุทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นมาก็เป็นได้

 

ส่วนลุงเพื่อบ้านวัย 70 ปี  เสื้อลายแดงดำ  อีกรายแจ้งว่าปัญหาที่เกิดมาจากที่เจ้าตัวทราบว่ามีโรคของตัวเองเพิ่มมาอีก แล้วอาการเริ่มหนัก อีกทั้งยังไม่ได้คบสนทนากับสังคมภายนอก จากเดิมที่เคยทำงานก็อาจมีส่วนทำให้เกิดอาการเครียดได้เช่นกัน ประกอบกับเป็นคนรักหลานด้วย

 

และมีเจ้าหน้าที่ของสำนักงานพัฒนาสังคมเดินทางเข้าไปยังสถานที่ตั้งศพน้องธิชา แจ้งกับสื่อว่ามาดูแลเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ครอบครัวของ น้องธิชา เนื่องจากน้องธิชา เป็นบุคคลพิการทางร่างกาย เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ต้องเข้ามาดูแลเบื้องต้น ส่วนคุณยาย เวลานี้ยังนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล และได้ติดต่อเข้าไปแล้วทางแพทย์ยังไม่อนุญาตให้เข้าไปพูดคุยกับทางคุณยาย ส่วนเรื่องคดีนั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องเฝ้าดูแลเป็นอย่างดี เพราะคุณยาย คิดฆ่าตัวตายแล้ว เรื่องนี้ยังไว้วางใจไม่ได้ต้องเฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิด รวมถึงต้องให้คนสนิทเท่านั้นอยู่ด้วย

 

และเมื่อเวลา 14.00 น. ทางหน่วยงานมูลนิธิฯ ได้นำร่างน้องธิชา มาถึงเมรุวัดท่ามะนาว โดยมีแม่นั่งมากับรถบรรทุกน้องธิชา มาด้วยกัน เมื่อมาถึงเจ้าหน้าที่ก็ทำประกอบพิธีโดยคุณแม่โปรยดอกไม้ ก่อนนำร่างใส่ในโลงเย็น เพื่อสวดพระอภิธรรมเป็นคืนแรก และจะสวดเป็นเวลา 3 คืน แล้วจะได้ทำการฌาปนกิจ และคุณแม่ของน้องธิชา ที่อยู่ในอาการเศร้าโศก ก็ไม่ยอมพูดอะไรกับสื่อที่ไปรอทำข่าว โดยบอกว่าขอให้คุณตา เป็นผู้ให้ข่าว

 

และต่อมาคุณตา ได้เดินทางเข้ามายังศาลาที่ตั้งศพน้องธิชา ด้วยอาการอิดโรยและเศร้าโศก บอกกับสื่อมวลชนว่าไม่เคยคิดว่าภรรยา ของตนเองจะกระทำเรื่องเช่นนี้มาก่อน เพราะตัวภรรยาเองป่วยด้วยหลายโรค จะเป็นห่วงรักหลานสาวมาก และครอบครัวตนเองก็อยู่กันอย่างสบายไม่ขัดสน  ไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับอบายมุข เหล้า บุหรี่ หรือเกี่ยวข้องกับยาเสพติดใดๆ ทั้งสิ้น ส่วนเรื่องคดีก็ต้องเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ แต่เวลานี้ภรรยายังอยู่ในความดูแลของแพทย์ ไม่ยอมให้บุคคลภายนอกเข้าไปเกรงจะกระทบต่อจิตใจคนไข้ได้ และเวลานี้ยังพูดจาอะไรไม่รู้เรื่องตนเองสงสารภรรยามาก แต่ไม่รู้จะช่วยอะไรได้มาก ต้องแล้วแต่แพทย์./