รองโฆษกฯ เผยข่าวดี นโยบายปราบปรามการค้ามนุษย์ของรัฐบาลทำสำเร็จ ช่วยกู้ภาพลักษณ์ใช้แรงงานผิด กม.ในประมง
16 พ.ค. 2567, 09:11
วันนี้ (16 พ.ค. 67) น.ส.เกณิกา อุ่นจิตร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมกุ้งไทยเผชิญกับความท้าทายที่กระทบต่อผลผลิตและการค้า โดยเฉพาะปัญหาการค้ามนุษย์และการทำประมงผิดกฎหมายในอุตสาหกรรมประมงไทย ปัจจัยดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมกุ้งไทยตลอดทั้งห่วงโซ่การผลิต จากการที่กระทรวงแรงงานของสหรัฐอเมริกาได้เริ่มเดินหน้าผลักดันการแก้ไขข้อกำหนดว่าด้วยกรณีที่มีการใช้แรงงานเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ในภาคส่วนอุตสาหกรรมกุ้งของประเทศไทย ทำให้อุตสาหกรรมกุ้งไทยถูกกำหนดให้อยู่ในประเภทสินค้าที่มีการใช้แรงงานเด็กหรือว่าการบังคับใช้แรงงาน ซึ่งส่งผลทำให้ผู้นำเข้ากุ้งต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการใช้แรงงานเด็กเกิดขึ้นกับกุ้งที่ถูกสั่งซื้อมาจากประเทศไทย
น.ส.เกณิกา กล่าวต่อว่า แต่เนื่องด้วยนโยบายของนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน และร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่กำกับดูแลกรมประมงโดยตรง ใส่ใจและเห็นความสำคัญต่อตลาดกุ้งโลกที่ไทยเคยอยู่ในอันดับที่ 1 มานานหลายทศวรรษ จึงเดินหน้าแก้ปัญหาการใช้แรงงานเด็ก หรือการบังคับใช้แรงงานเด็กข้ามชาติ ตามที่นานาชาติให้ความสำคัญ ทำให้ล่าสุด กระทรวงแรงงานของสหรัฐได้มีการประกาศขึ้นบนเว็บไซต์ Federal Register เสนอให้นำผลิตภัณฑ์กุ้งจากประเทศไทยออกจากข้อกำหนดดังกล่าวนี้ พร้อมกับทางกระทรวงต่างประเทศ และกระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิสหรัฐฯ โดยมีการระบุว่าการบังคับใช้แรงงานเด็กในไทยดูเหมือนว่าจะลดลงอย่างมาก
“ประเทศสหรัฐอเมริกาจากมีข้อสรุปเบื้องต้นว่า ไม่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการใช้แรงงานเด็กที่ถูกบังคับหรือผูกมัดในการผลิตกุ้งที่ประเทศไทย ทำให้ปัญหาการนำเข้ากุ้งจากประเทศไทยคลี่คลายไปได้มาก จากทิศทางดังกล่าวจึงคาดการณ์ว่า รายได้จากการส่งออกกุ้งไทยจะเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันภาพลักษณ์แบรนด์อาหารทะเลไทยที่เคยถูกปัญหาการค้ามนุษย์และใช้แรงงานผิดกฎหมายบนเรือประมงไทยทำลายไป จะกู้คืนกลับมาได้ ซึ่งประโยชน์จะตกไปยังเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งทั่วประเทศที่จะกลับมามีรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น”