ไฟฟ้าลัดวงจร ! เพลิงไหมบ้านวอดเสียหายกว่า 2 ล้าน
8 พ.ค. 2567, 10:12
กาญจนบุรี - สังขละบุรี ไฟฟ้าลัดวงจร ส่งผลไฟไหมบ้านวอดเสียหายกว่า 2 ล้าน ด้านนายกเทศบาลตำบลวังกะเตือนระวังอัคคีภัยเนื่องจากช่วงนี้อากาศร้อนจัด อุณหภูมิช่วงกลางวันสูงกว่า 40 องศา
ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า นายวิจารณ์ กุลชนะรัตน์ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลวังกะ ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า เกิดเหตุเพลิงลุกไหม้บ้านเลขที่พักเลขที่ 14/1 ม.1 ซ.ศรีสุวรรณคีรี 1 ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ตรงข้ามวัดศรีสุวรรณหมู่ 1 ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี จึงได้สั่งการให้พนักงานดับเพลิงและ เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลวังกะระดมรถดับเพลิง 2 คัน รุดไปยังบ้านที่เกิดเหตุ พร้อมทำการฉีดน้ำสกัดเพลิง ไม่ให้ลุกลามไหยังบ้านข้างเคียง ใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ และสามารถดับไฟได้ในที่สุด
จากการสอบถาม น.ส.ทักข์ธนภรณ์ แสนโท ผู้อยู่อาศัยในบ้านหลังดังกล่าวเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองและเพื่อน เป็นครู ระหว่างเกิดไฟลุกไหม้ ไม่มีคนอยู่ในบ้านหลัง เนื่องจากออกไปซื้อก๋วยเตี๋ยวที่ตลาด ก่อนจะมีน้าโทรแจ้งว่าไฟไหม้บ้าน จึงรีบเดินทางกลับมาก่อนจะพบว่าเพลิงกำลังไหมบ้านอย่างรุนแรง เจ้าหน้าที่กำลังพ่นน้ำดับเพลิง โชคดีทองคำรูปพรรณ และเอกสารสำคัญที่โฉนดที่ดิน ทะเบียนบ้าน บัญชีธนาคาร ที่เก็บไว้ในกระเป๋าที่แขวนไว้ข้างฝาในห้องนอนไม้ถูกไฟไหม้ ขณะที่เสื้อผ้า เครื่องแบบข้าราชการครู เอกสาร โน๊ตบุ๊ก และของใช้อย่างอื่นที่อยู่ในบ้านถูกเพลิงไหม้เสียหายไม่มีเหลือ
ซึ่งบ้านที่ถูกเพลิงไหม้ เป็นบ้านไม้ ชั้นเดียว ปลูกสร้างด้วยไม้ อายุเกิน 30 ปี ประกอบกับในช่วงนี้สภาพอากาศแห้ง จึงเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี โชคดีเหตุการณ์เพลิงไหม้ในครั้งนี้ไม่มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ส่วนสาเหตุที่เกิดเพลิงไหม้ยังไม่ทราบ จะต้องรอให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เดินทางขึ้นไปตรวจสอบ ร่วมกับเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สาเหตุที่เพลิงลุกไหม้ในครั้งนี้คาดว่าน่าจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร เนื่องจากมีผู้ได้ยินเสียงคล้ายระเบิด ก่อนจะเกิดกลุ่มควันลุกไหม้บริเวณส่วนที่เป็นเสาของบ้าน เพื่อนบ้านเห็นเหตุการณ์กล่าวทิ้งท้าย
ด้านนายวิจารณ์ กุลชนะรัตน์ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลวังกะ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าช่วงนี้อากาศในพื้นที่ร้อนจัดโดยเฉพาะตั้งแต่เวลา 11.00 น เป็นต้นไปจนถึง 15.30 น โดยบางวันอุณหภูมิสูงถึง 41-42 องศา จึงขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่ให้เฝ้าระวังอัคคีภัย เช่นการปิดไฟ และถอดปลั๊กไฟของอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกครั้งที่ไม่ได้ใช้งาน