นายกฯ ลุยมหาสารคาม แก้ปัญหายาเสพติด-หนี้นอกระบบ ดูแลประชาชน
5 พ.ค. 2567, 13:23
วันนี้ (5 พ.ค. 67) เวลา 11.00 น. ณ ที่ว่าการอำเภอพยัคฆภูมิพิสัย อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมติดตามประเด็นยาเสพติดและหนี้นอกระบบ ซึ่งรัฐบาลนี้ให้สำคัญอย่างมาก และต้องการให้ประชาชนหลุดพ้นจากวงจรหนี้นอกระบบได้อย่างแท้จริง สามารถใช้ชีวิตได้อย่างสมศักดิ์ศรีและมีความสุข รวมถึงการขับเคลื่อนการแก้ปัญหายาเสพติดอย่างจริงจังให้เกิดผลเป็นรูปธรรม โดยมีนางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายพงศ์ศรัณย์ อัศวชัยโสภณ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมตรวจราชการ ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม หัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อสม. สส. และประชาชนในพื้นที่ อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม ให้การต้อนรับนายกฯ และคณะ โดยกลุ่มสตรีแม่บ้านพยัคฆภูมิพิสัยได้ผูกผ้าขาวม้าต้อนรับและให้กำลังใจนายกฯ ในการทำงานด้วย
ส่วนปัญหาหนี้นอกระบบ นายกฯ ย้ำว่า เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่นายกฯ ให้ความสําคัญ เพราะเป็นปัญหาที่หยั่งลึกในสังคมไทย ทำงานเท่าไรก็ไม่พอใช้หนี้ ตัวเลขยอดมูลหนี้ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคามรายงานให้รับทราบประมาณ 300 กว่าล้านบาท ยังถือว่าต่ำอยู่ จำนวนลูกหนี้และเจ้าหนี้ที่เข้ามาลงทะเบียนในระบบมีประมาณไม่ถึงสามพันคน ซึ่งต้องยอมรับว่าแม้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายทั้งตำรวจ ข้าราชการ นายอำเภอ ได้ทำงานกันอย่างหนัก นำทุกคนเข้าสู่ระบบให้มีการไกล่เกลี่ยหนี้ให้ได้ แต่ตัวเลขที่แสดงออกมาดังกล่าวก็ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ เพราะตัวเลขหนี้นอกระบบที่มีอยู่ทั้งระบบมีเป็นแสนล้าน จึงขอให้กำลังใจทุกหน่วยงาน และขอให้ทำงานหนักขึ้นในการจัดตลาดนัดหนี้ เพื่อสนับสนุนให้ลูกหนี้เข้ามาแจ้งปัญหาที่เกิดขึ้นให้มากขึ้น ขณะเดียวกันฝ่ายความมั่นคง ตำรวจ ก็ต้องดูแลเรื่องของผู้มีอิทธิพลต่าง ๆ ที่ข่มขู่ และไม่ยอมเข้าสู่ระบบ ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าปัญหาอาชญากรรมและยาเสพติดที่เกิดขึ้น ส่วนหนึ่งและอาจเป็นส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากพี่น้องเราทำงานมาเท่าไรก็ไม่พอใช้ดอกเบี้ยที่ไม่ให้ความเป็นธรรม และดอกเบี้ยที่ผิดกฎหมาย ดังนั้นหากเราแก้ที่รากฐานของปัญหาหนี้นอกระบบได้ปัญหาต่าง ๆ ก็จะลดน้อยลงไป
นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเรื่องยาเสพติดที่รัฐบาลดูแลและให้ความสำคัญ ซึ่งปัญหายาเสพติดถือเป็นปัญหาใหญ่ในภาคอีสาน ซึ่งตรงนี้เกิดจากการทำงานมาใช้หนี้ไม่เพียงพอ ขณะที่การบังคับใช้กฎหมายก็ยังมีความหละหลวมอยู่ โดยวันนี้เลขาธิการ ป.ป.ส. แม่ทัพภาค และผู้บังคับการตำรวจภูธรภาค 4 ก็ได้เดินทางมาด้วย จึงขอให้ทุกภาคส่วนให้ความสำคัญกับเรื่องปัญหายาเสพติด และให้การดูแลพี่น้องประชาชนให้เหมาะสม ทั้งนี้ นายกฯ ได้เน้นย้ำให้ตำรวจ ป.ป.ส. กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม จัดทําข้อมูลบัญชีผู้ค้ายาเสพติด แบ่งเป็นขนาดใหญ่ กลาง เล็ก โดยต้องระบุและกําหนดกรอบระยะเวลาที่จะปราบปราม แต่ต้องไม่เกิน 90 วัน นับจากวันนี้ การปราบปรามยาเสพติดขั้นเด็ดขาด ผู้ที่มียาเสพติดไว้ในครอบครองถือว่ามีความผิด ขอให้ดูที่เจตนาว่าเป็นผู้เสพหรือเป็นผู้ขาย หากเป็นผู้ขายต้องจัดการขั้นเด็ดขาด โดยให้รายงานผลมาที่สํานักนายกรัฐมนตรีทุกเดือน และขอเน้นย้ำเรื่องมาตรการการยึดทรัพย์ การเผาทําลายของกลางต้องทําโดยเร็ว และอย่ามีการเคลื่อนย้ายบ่อยครั้งเพราะสังคมจะเกิดข้อสงสัยเกิดขึ้น ตรงนี้ขอให้จัดการเด็ดขาด ส่วนกรณีที่เป็นผู้เสพขอให้ถือว่าเขาเป็นผู้ป่วยที่ต้องได้รับการรักษาบําบัด ดังนั้น ขอให้ อปท. กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข ตํารวจ ทหาร ทํางานอย่างบูรณาการ เปิดศูนย์บําบัดผู้ป่วยยาเสพติด ในพื้นที่ของส่วนราชการที่ควบคุมได้ เช่น ค่ายทหาร โดยให้มีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเข้ามาจัดการเรื่องการบําบัดดูแล ขณะที่เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงและเจ้าหน้าที่ปกครอง เข้ามาดูแลเรื่องระเบียบ การจัดการ และความปลอดภัยแก่เจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุข ยืนยันขอให้เราเคร่งครัดปฏิบัติ และคำนึงถึงพี่น้องประชาชนเรื่องยาเสพติดเป็นเรื่องใหญ่
พร้อมกันนี้ นายกฯ ย้ำถึงกระบวนการยึดทรัพย์ต้องดำเนินการโดยเร็ว สกัดตามชายแดนไม่ให้มียาเสพติดรั่วเข้ามา จัดการจับกุมผู้ค้ายาอย่างเด็ดขาด เรื่องของการที่เอาชุมชนเข้ามาเป็นส่วนแก้ไขในการแก้ไขปัญหาไม่ว่าจะเป็นโครงการหัวโทนโมเดล ดึงหมู่บ้านเข้ามามีส่วนร่วม ร่วมกันบูรณาการ ทุก ๆ คนต้องช่วยกัน โดยขอย้ำอีกครั้งว่าถนนนี้ยังอีกไกล เชื่อว่าเรามีแผนงานที่ชัดเจน แม้ว่าปัญหายังอยู่ ราคายาบ้าก็ยังไม่ขึ้น ถึงแม้จับได้มากขึ้นเป็น 3-4 เท่าก็ตาม เราต้องทำงานกันหนักขึ้น และต้องทำงานร่วมมือกันให้มากขึ้น ในส่วนการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ อยากให้จังหวัดช่วยกันรณรงค์ให้ลูกหนี้เข้ามาพูดคุยกันมากกว่านี้ เพราะเรื่องนี้คือเรื่องสำคัญ
ในตอนท้าย นายกฯ ได้ขอบคุณ สส. ในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม ที่นำขับเคลื่อนโครงการสะท้อนความต้องการของพี่น้องประชาชน ซึ่งนายกฯ มั่นใจว่าโครงการเหล่านี้ได้ถูกบรรจุในโครงการแล้ว ซึ่งจะช่วยผลักดันอย่างจริงจังให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป