วันนี้ ( 15 เม.ย.67 ) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ที่มีความล่าช้า ทำให้หลายนโยบายของรัฐบาลถูกขยับออกไป อย่างเช่นโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ที่ก่อนหน้านี้ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะให้ใช้ภายในต้นปีนี้ แต่สุดท้ายกลับถูกเลื่อนออกไป  แต่ก็มีการกระตุ้นเศรษฐกิจ มีทั้งวีซ่าฟรี พักหนี้เกษตรกร และลดค่าใช้จ่าย 

สำหรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าเราต้องการเม็ดเงินใหม่ เพราะได้ประกาศว่าทุกคนจะต้องได้หมด ใช้งบประมาณ 560,000 ล้านบาท เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับภูมิภาคภายในระยะเวลา 6 เดือน แต่เมื่อ 141 เสียงไม่ใช่แลนด์สไลด์อย่างที่หวังไว้ และมีหลายภาคส่วนที่ต้องรับฟัง ทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นักวิชาการต่างๆ รวมไปถึงการตั้งหลักเกณฑ์เงื่อนไขต่างๆ เช่น คนรวย คนจน มองว่า ใช้หลักเกณฑ์อะไรในการวัด / การตัดกลุ่มเป้าหมายที่ถูกตัดไปร้อยละ 12 ของวงเงินทั้งหมด และมีการตั้งคำถามว่าจะกู้เงินมาใช้ในโครงการดังกล่าวหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตามไตรมาส 4 นี้ ได้อย่างแน่นอน ยืนยันทุกอย่าง ทุกขั้นตอนตรวจสอบได้ สุจริต บริสุทธ์ใจ และมั่นใจว่าจะไม่มีอะไรมาเตะถ่วงทำให้โครงการเงินดิจิทัลฯ ต้องเลื่อนออกไปมากกว่าไตรมาสที่ 4 ของปีนี้

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า ในช่วงไตรมาส 1-2 ของปีน่าจะเห็นผล หลังมีงบประมาณขับเคลื่อนนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต รวมถึงภาพรวมเศรษฐกิจ ซึ่งนโยบายการท่องเที่ยวจะยังคงเป็นเรือธงในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ในไตรมาส 4 ปีนี้ และในระหว่างที่นโยบายดิจิทัลวอลเล็ตยังไม่สามารถขับเคลื่อน รัฐบาลก็จะมีโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆออกมา ซึ่งเป็นไปตามที่แถลงนโยบายต่อรัฐสภา

ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ ว่า รัฐบาลให้เงินมากเกินไปจนสุดท้ายไม่ได้อะไร ประชาชนรอคอยแต่เงินอย่างเดียว นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า เป็นการทำครั้งเดียว ซึ่งการเติมเงินเข้าไปในกระเป๋าที่เกิดขึ้นในอดีต เช่น ช่วงวิกฤติโควิด-19 เติมเงินเพียงแค่ 1,000 - 2,000 บาท แล้วไปใช้ที่ไหนก็ได้ แต่ครั้งนี้มีการจำกัดประเภทสินค้า ระยะทางที่สามารถใช้ได้ วันนี้ต้องการให้อำเภอเล็กๆในจังหวัดต่างๆ ได้ลืมตาอ้าปาก มีโอกาสในการจับจ่ายใช้สอยเงิน เรื่องนี้อธิบายไปหลายครั้งแล้ว และมั่นใจว่าเรามาถูกทาง