วันนี้ ( 11 มี.ค.67 ) ดร. นลินี ทวีสิน ผู้แทนการค้าไทย เปิดเผยภายหลังจากการหารือร่วมกับนายแพทริก เบิร์น เอกอัครราชทูตไอร์แลนด์ประจำประเทศไทยว่าตนและท่านทูตต่างยินดีที่ในปีหน้า ปี 2568 ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและไอร์แลนด์จะครบรอบ 50 ปี โดยเมื่อมองไปข้างหน้า ตนและท่านทูตต่างเห็นพ้องว่าไทยและไอร์แลนด์ยังมีโอกาสพัฒนาความร่วมมือกันอีกในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นในความร่วมมือในด้านการศึกษา เนื่องจากไอร์แลนด์เป็นประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหนึ่งในภาษาราชการ และมีมหาวิทยาลัยชั้นนำ จำนวนมากที่มีความเชี่ยวชาญและมาตรฐานระดับโลกในหลายสาขาวิชา โดยเฉพาะแพทยศาสตร์ เภสัชศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีสารสนเทศ และเกษตรศาสตร์ สำหรับความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวเที่ยว เล็งเห็นว่าหากผลักดันให้มีการเปิดเส้นทางการบินตรงกรุงเทพ – ดับลิน จะทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากปัจจุบันที่มีนักท่องเที่ยวชาวไอริชเดินทางมาไทยราว 6.7 หมื่นคนในปี 2566 ในขณะที่การมีเที่ยวบินตรงก็จะยังเป็นประโยชน์ในแง่ของการค้าขาย เนื่องจากสินค้าที่ค้าขายในปัจจุบันเป็นสินค้าที่เน่าเสียง่าย เช่น หอยนางรมหรือเนยแข็ง
 
ผู้แทนการค้าไทย เสริมว่า ท่านทูตไอร์แลนด์ยังได้แสดงความยินดีที่การเจรจา FTA ไทย-สหภาพยุโรป ที่ผ่านมาแล้ว 2 รอบมีความคืบหน้าไปได้ด้วยดี ถึงแม้ว่าหนทางไปสู่การสรุปผลการเจรจาจะอีกยาวแต่ไอร์แลนด์พร้อมที่จะสนับสนุนไทยในกระบวนการดังกล่าว ทั้งนี้ การจัดทำ FTA กับสหภาพยุโรป จะเป็นโอกาสที่ดีของไทย ทั้งในแง่ขยายโอกาสทางการค้า และการลงทุนกับประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป 27 ประเทศ ช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของไทย และดึงดูดการลงทุนจาก ต่างประเทศ รวมถึงการพัฒนาศักยภาพของไทยผ่านการยกระดับมาตรฐานด้านกฎระเบียบภายในประเทศ
 
ดร. นลินี กล่าวทิ้งท้ายว่า ตนได้เชิญผู้ประกอบการไอร์แลนด์มาลงทุนในพื้นที่ EEC เพิ่มเติม โดยเฉพาะการลงทุนในเรื่องการศึกษา ในขณะที่ไอร์แลนด์ ก็เป็นประเทศที่ผู้ประกอบการไทยน่าให้ความสนใจไปลงทุน โดยเฉพาะการลงทุนในอุตสาหกรรมการบริการ หรือ Hospitality เนื่องจาก ไอร์แลนด์มีอัตราภาษีรายได้นิติบุคคล ที่อยู่ในระดับต่ำเพียงร้อยละ 12.50 และยังมีความพร้อมในด้านอื่น ๆ อย่างครบถ้วน