รวบตัว ! แอดมินเพจ "ป้ายทะเบียนปลอม" ส่งขายออนไลน์ รายได้ครึ่งแสนต่อเดือน
10 ก.พ. 2567, 07:36
ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) ร่วมกันตรวจค้นและจับกุม ผู้ต้องหาชาย อายุ 42 ปี ข้อหา “ปลอมเอกสารสิทธิ หรือเอกสารราชการฯ โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนฯ” จับกุมได้ที่บ้านพักแห่งหนึ่ง ต.ท่าซัก อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ สืบทราบว่ามีคนร้ายลักลอบปลอมแผ่นป้ายทะเบียนรถ โดยโพสต์ข้อความโฆษณาผ่านเฟซบุ๊กในกลุ่มลับว่า รับทำป้ายทะเบียนรถทุกชนิดผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แฝงตัวเข้าไปในกลุ่มเพื่อรวบรวมข้อมูล กระทั่งติดต่อขอซื้อป้ายทะเบียนรถ พบว่าคนร้ายได้รับทำและจำหน่ายในราคาแผ่นละ 600-1,000 บาท ขึ้นอยู่กับประเภทของยานพาหนะ เมื่อเจ้าหน้าที่ได้รับแผ่นป้ายทะเบียนที่สั่งซื้อ จึงส่งตรวจพิสูจน์ต่อกรมการขนส่งทางบก พบว่าเป็นแผ่นป้ายทะเบียนปลอม เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงทำการสืบสวนต่อ จนสามารถพิสูจน์ทราบได้ว่า ชายคนดังกล่าวเป็นแอดมินเพจออนไลน์ดังกล่าว จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออำนาจศาลออกหมายค้นและหมายจับ และ สามารถจับกุมได้พร้อมของกลางแผ่นป้ายทะเบียนปลอมประเภทต่างๆ จำนวน 67 แผ่น และ จุดที่ 2 เป็นห้องพักของตึกแถว ในพื้นที่ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช จากการตรวจค้นพบแผ่นป้ายทะเบียนปลอมประเภทต่างๆ จำนวน 109 แผ่น ที่เตรียมจัดส่งให้แก่ลูกค้าจากทั่วประเทศ
ทั้งนี้ ผู้ต้องหารับสารภาพว่าเป็นแอดมินเพจเฟซบุ๊กรับทำป้ายทะเบียนปลอมจริง โดยประมาณปี 2562 ได้เปิดร้านทำกรอบป้ายกันน้ำให้แก่ลูกค้าในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ต่อมาประมาณปี 2564 ได้เริ่มเห็นช่องทางการสร้างรายได้ทางออนไลน์ จึงได้สร้างเฟซบุ๊กแฟนเพจและกลุ่มลับเพื่อรับทำป้ายปลอม โดยคิดค่าจัดทำแผ่นป้ายทะเบียนปลอมจากลูกค้าที่สนใจ ในราคาแผ่นละ 600 – 1,000 บาท โดยในแต่ละเดือนมีลูกค้าจากทั่วประเทศติดต่อเข้ามาสั่งซื้อเป็นจำนวนมาก ทำให้มีรายได้ ประมาณ 30,000 – 50,000 บาท ต่อเดือน
เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหา "ปลอมเอกสารสิทธิ หรือเอกสารราชการฯ โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนฯ" นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมด พนักงานสอบสวน กก.3 บก.สอท. 5 ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป