นายกฯ เผยแนวคิดย้ายอุเทนถวาย หวังลดค่านิยม-ลดการกระทบกระทั่ง ยกระดับการศึกษา
8 ก.พ. 2567, 14:49
วันนี้ ( 8 ก.พ.67 ) เวลา 11.15 น. ณ ห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชั้น 2 อาคารรัฐสภา ถนนสามเสน เขตดุสิต กรุงเทพฯ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 26 ปีที่ 1 ครั้งที่ 16 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตอบกระทู้ถามสดด้วยวาจากรณีปัญหาที่เกิดขึ้นในสถาบันศึกษาว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาการทะเลาะวิวาทของนักเรียนนักศึกษาระหว่างสถาบันการศึกษา และในฐานะที่เป็นพ่อของคน เมื่อเห็นปัญหาการทะเลาะวิวาท ตนเองรับทราบถึงความรู้สึกของพ่อ แม่ และญาติของเหยื่อที่ประสบเหตุ ซึ่งเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่สะเทือนใจ โดยรัฐบาลจะให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหานี้ต่อไป
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ทั้งสองสถาบันการศึกษาเป็นสถาบันการศึกษาที่มีเกียรติ มีอายุมายาวนาน ผลิตบัณฑิตที่ตรงกับสายงานที่มีความต้องการกับตลาดแรงงานมาหลายสิบปี หลายแสนคน เป็นสถาบันที่ให้ประโยชน์กับประเทศชาติอย่างมาก เพราะว่าตอนที่ตนเดินทางไปหานักลงทุนต่างประเทศเรื่องของการผลิตช่างยนต์ วิศวกร เป็นเรื่องที่ประเทศเรามีความต้องการอย่างมาก จากการที่เราเดินทางไปพบปะกับนักลงทุนข้ามชาติจากทั่วโลก เพื่อดึงดูดให้มาลงทุนในประเทศไทย ถ้าเกิดไม่มีทั้งสองสถาบันนี้ บัณฑิตของประเทศเราก็จะไม่ตรงสายงานที่มีความต้องการกับบริษัทข้ามชาติใหญ่ ๆ ที่จะมาลงทุนมูลค่าหลาย ๆ ล้าน ๆ บาท ซึ่งเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลที่จะยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนคนไทยทุกคน เพราะฉะนั้น ทั้งสองสถาบันนี้ ถือว่าเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ ยืนยันรัฐบาลให้ความสำคัญกับปัญหาที่เกิดขึ้นที่เรื้อรังมายาวนาน ซึ่งเกิดมาจากปัญหาที่มีระยะทางที่ใกล้กันระหว่างสองสถาบัน รัฐบาลพยายามที่จะย้ายวิทยาเขตตรงนี้ โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้หารือกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังที่ดูแลกรมธนารักษ์ให้ไปจัดหาพื้นที่ที่จะย้ายออกไป
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องการทะเลาะวิวาทนั้น ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้มีประกาศกระทรวงออกไปแล้วว่าจะเก็บข้อมูลนักศึกษา เพื่อที่จะใช้ในการติดตามในกรณีที่มีการทะเลาะวิวาทในอนาคต พร้อมจัดตั้งศูนย์รับแจ้งเหตุ และเฝ้าระวังระงับเหตุร้ายในสถาบัน โดยตนเองได้กระชับฝ่ายความมั่นคง และสำนักงานตำรวจแห่งชาติซึ่งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับทั้งสองสถาบันการศึกษานี้ให้ดูแลเป็นพิเศษ เพิ่มกำลังในวันที่คิดว่าจะมีการทะเลาะวิวาทกัน อย่างไรก็ตาม มาตรการเหล่านี้เป็นหนึ่งในมาตรการที่จะช่วยเหลือหรือป้องกันเท่านั้น ไม่ได้แก้ที่วัฒนธรรม ซึ่งปัญหานี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ เป็นความเชื่อของนักศึกษาที่สืบทอดกันมา ซึ่งเป็นค่านิยมที่ผิด ไม่เหมาะสม ไม่ถูกต้อง เพราะฉะนั้น เราต้องตัดปัญหาโดยการย้ายสถานที่เรียนไปที่อื่น เพื่อลดการกระทบกระทั่งระหว่างสองสถาบันนี้ และให้มีการลดการเรียนการสอนนอกสถานที่ พร้อมทั้งปรับลดค่านิยม ลดการกระทบกระทั่งระหว่างรุ่นพี่ที่เป็นแกนนำ ตัดวงจรการสืบทอดวัฒนธรรมที่ไม่ดี ไม่ถูกต้อง อีกทั้งจะกระชับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมให้ทำงานต่อไป ส่วนปัญหาการสื่อสารเกี่ยวกับเรื่องการหยุดรับนักศึกษาปี 1 นั้น มีความคลาดเคลื่อนในการสื่อสาร ไม่ได้บอกว่าจะเป็นการหยุดรับนักศึกษาใหม่ แต่ให้ย้ายไปอยู่วิทยาเขตอื่น สำหรับนักศึกษาปีอื่น ๆ นั้น ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมจะเป็นคนชี้แจงแผนงานให้ทราบอีกครั้ง
นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ได้ให้คำแนะนำ และข้อเตือน ถือเป็นการสะกิดใจให้คณะรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ไม่ใช่แค่กระทรวงศึกษาธิการ หรือกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมอย่างเดียว แต่รวมถึงกระทรวงการคลังด้วย ต้องมีส่วนในการจัดหาสถานที่ที่เหมาะสม
“ผมเชื่อหลาย ๆ ท่าน รวมถึงตัวผมเองมีความโชคดี เพราะแต่ละคนมาจากรากฐานของครอบครัวที่แตกต่างกันออกไป ผมเองเข้าใจถึงความจำเป็นด้านการศึกษา สำนึกตลอดเวลาว่าบางคนก็โชคดี เช่นลูกผมเองได้มีโอกาสได้เรียนในสถานที่ดี ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ได้เห็นถึงความสำคัญของชีวิตทางการศึกษาและมีหน้าที่มีการงานทำที่เหมาะสมและเป็นเกียรติ ผมเองในฐานะตัวแทนของพี่น้องประชาชนก็อยากให้ลูกหลานพี่น้องประชาชนไม่ว่าจะเป็นยากดีมีจน อยู่ต่างจังหวัดหรือจะเรียนที่วัด หรือที่ไหนก็ตาม อยากยกระดับการศึกษาของทุก ๆ ท่านให้โชคดี ให้มีที่เรียนอย่างเหมาะสม ขอย้ำเรื่องของสถานศึกษาอย่างที่นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าต้องมีการดูแลเป็นพิเศษ ขอยืนยันว่ารัฐบาลนี้จะพยายามหาสถานที่ที่เหมาะสม ตนเองในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกำกับกรมธนารักษ์ จะดูแลจัดหาพื้นที่เรียนให้เป็นพิเศษอย่างเหมาะสมต่อไป” นายกรัฐมนตรีย้ำ