ทีมกลุ่มเป็นหนึ่งบุกช่วยเด็กสาววัย 18 ถูกลุงเขยข่มขืน ล่วงละเมิดทางเพศนานหลายปี
22 ม.ค. 2567, 18:05
ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า นางสาวชลิดา พะละมาตย์ ประธานกลุ่มเป็นหนึ่ง พร้อมทีมงาน นำตัวนางสาวเอ อายุ 18 ปี (นามสมมติ) เดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรท่าม่วง กรณี นางสาวเอ ถูกนายชัยพันธ์ อายุ 50 ปี ซึ่งเป็นลุงเขย ก่อเหตุข่มขืนและล่วงละเมิดทางเพศมาเป็นเวลานานหลายปี ซึ่งหลังจากเดินทางเข้าแจ้งความ พร้อม ส่งมอบหลักฐานเป็นคลิปวีดีโอและคลิปเสียงรวมถึงข้อความแชท line ที่นายไชยพันธ์พยายามจะขอมีเพศสัมพันธ์กับนางสาวเอให้กับพนักงานสอบสวนเรียบร้อยแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุด สืบสวนสถานีตำรวจภูธรท่าม่วงพร้อมเจ้าหน้าที่กลุ่มเป็นหนึ่ง ได้เดินทางลงพื้นที่บ้านของนายชัยพันธ์ ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุ ในพื้นที่ตำบลวังศาลา อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อเชิญตัวนายชัยพันธ์มาสอบปากคำที่สถานีตำรวจ ทันทีที่พบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่กลุ่มเป็นหนึ่ง นายไชยพันธ์มีท่าทางตกใจอย่างเห็นได้ชัด แต่ยังคงให้การปฏิเสธว่าไม่ได้ลงมือข่มขืนหรือล่วงละเมิดทางเพศนางสาวเอซึ่งเป็นหลานแต่อย่างใด โดยอ้างว่าที่เด็กไปแจ้งความเป็นเพราะโมโหที่ตนเองไม่อนุญาตให้ไปเรียนต่อกับกลุ่มเพื่อน และจะขอเดินทางไปให้ปากคำที่สถานีตำรวจอีกครั้ง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวนายชัยพัฒน์เดินทางไปที่สถานีตำรวจภูธรท่าม่วงเพื่อจะทำการสอบปากคำอย่างละเอียดต่อไป
ด้านนางสาวชลิดา พะละมาตย์ ประธานกลุ่มเป็นหนึ่ง เปิดเผยข้อมูลกับสื่อมวลชนว่า ตามที่ได้ข้อมูลจากนางสาวเอผู้เสียหาย พบว่า นางสาวเอเดินทางมาอยู่ที่บ้านของลุงเขยและป้าในพื้นที่ตำบลวังศาลา อำเภอท่าม่วง ตั้งแต่เด็ก ซึ่งตั้งแต่นางสาวเอจำความได้เมื่ออายุประมาณ 3 ขวบ ก็ถูกลุงเขยคนดังกล่าว ลูบคลำและกอดจูบแบบนี้มาเป็นเวลานาน แต่ในช่วงเวลาดังกล่าวนางสาวเอยังไม่รู้ว่าการกระทำในลักษณะนี้ไม่ใช่การแสดงความรักระหว่างลุงกับหลาน กระทั่งนางสาวเอเริ่มเข้าเรียนชั้นมัธยมและได้เรียนวิชาสุขศึกษาจึงรู้ว่าสิ่งที่ลุงเขยทำกับตนนั้นถือเป็นการล่วงละเมิดทางเพศ แต่ลุงเขยก็ยังคงกระทำในลักษณะดังกล่าวเรื่อยมา กระทั่งเมื่อนางสาวเออายุได้ 15 ปี ก็ได้ถูกลุงเขยลงมือข่มขืนกระทำชำเราที่บ้านของลุงเขยเอง
ซึ่งหลังจากถูกข่มขืน บ้าแท้ๆของนางสาวเอก็รู้เรื่องแต่กลับไม่ได้ช่วยเหลือแต่อย่างใด อีกทั้งนางสาวเอยังถูกข่มขู่จากผู้ที่เป็นลุงเขย ห้ามไม่ให้ไปบอกใคร รวมถึงท้าว่าถึงจะไปแจ้งความก็ไม่สามารถทำอะไรตนเองได้เนื่องจากตนเองรู้จักและมีพรรคพวกเป็นตำรวจในพื้นที่ ทำให้นางสาวเอซึ่งยังต้องอาศัยบ้านของลุงเขยอยู่ไม่กล้าที่จะแจ้งความหรือเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้กับใครฟังและต้องทนกับพฤติกรรมการล่วงละเมิดทางเพศแบบนี้มาเป็นเวลานานหลายปี กระทั่งเมื่อกำลังจะเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จึงได้ตัดสินใจรวบรวมหลักฐานทั้งคลิปวีดีโอคลิปเสียงและแชทข้อความต่างๆของลุงเขยมาขอความช่วยเหลือกับทางกลุ่มเป็นหนึ่ง จนนำมาสู่การเดินทางเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในครั้งนี้
นางสาวชลิดา ยังได้กล่าวอีกว่า จากที่ได้พูดคุยกับลุงเขยของนางสาวเอ ทางลุงเขยยังคงให้การปฏิเสธ ว่าไม่ได้ลงมือล่วงละเมิดทางเพศหรือข่มขืนนางสาวเอแต่อย่างใด แต่เมื่อถามถึงคลิปวีดีโอที่นางสาวเอถ่ายไว้เป็นหลักฐาน ทางลุงเขยเองก็ยอมรับแต่อ้างว่าเป็นเพียงการแสดงความรักของลุงกับหลานเท่านั้น ไม่ได้เป็นการกระทำในเชิงชู้สาวแต่อย่างใด แต่เมื่อพูดถึงหลักฐานอื่นๆทั้งแชทข้อความรวมถึงคลิปเสียงที่ลุงเคยขอมีเพศสัมพันธ์กับนางสาวเอ ทางรู้เฉยก็ไม่สามารถตอบได้ ซึ่งเรื่องนี้ ทางกรมเป็นหนึ่งเองมั่นใจว่า พยานหลักฐานต่างๆที่มีอยู่จะสามารถให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเอาผิดกับทางลุงเขยได้อย่างแน่นอน และหลังจากนี้ ทางกลุ่มเป็นหนึ่งได้ประสานกับเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อให้นางสาวเอไปอยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่ ไม่ต้องกลับไปอยู่ที่บ้านหลังเกิดเหตุแต่อย่างใด ส่วนเรื่องของการเรียนก็ได้ประสานกับทางโรงเรียนเรียบร้อยแล้ว ทำให้จะไม่เกิดปัญหากับเรื่องการเรียนของนางสาวเออย่างแน่นอน