กรมทางปิดจุดกลับรถทางลอดถนนเพชรเกษม ทำชาวบ้านเดือดร้อน
21 ม.ค. 2567, 14:22
วันที่ 20 มกราคม 2567 นางเฉลา ทีเล่อร์ อายุ 62 ปี บ้านอยู่หมู่บ้านหนองบัว ต.เกาะหลัก อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า เมื่อ 30 ปีก่อน ไปอยู่กินกับสามีชาวต่างชาติที่ประเทศออสเตรเลีย จากนั้นต้นปี 2566 ได้กลับมาอยู่ที่บ้านเกิด โดยมีการสอบแนวเขตที่ดินโฉนดริมถนนเพชรเกษมฝั่งขาเข้า กทม.แต่พบว่ามีปัญหาที่ดินถูกบุกรุกจากการตัดถนนใช้ประโยชน์เป็นทางสาธารณะโดยองค์การบริหารส่วนตำบล ( อบต.) เกาะหลัก กรมทางหลวงร่วมกันก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก รุกเข้าในหลักหมุดที่ดินกว้าง 4 เมตร ยาว 30 เมตร เพื่อทำทางลอดจากถนนเพชรเกษมฝั่งล่องใต้ ผ่านใต้สะพานหนองบัว ตัดขึ้นถนนเพชรเกษมขาเข้า กทม.จากนั้นก่อสร้างถนนเชื่อมกับถนนในหมู่บ้านอีก 200 เมตร
นางเฉลา กล่าวว่า ล่าสุดได้ยื่นคำขาดให้กรมทางหลวง และ อบต. รื้อถนนที่สร้างรุกโฉนดออกทั้งหมด ไม่เช่นนั้นจะฟ้องร้องดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทุกราย ขณะที่ก่อนหน้านี้หลังจากไปร้องเรียน กรมทางหลวงได้นำแบริเออร์กั้นทาง เพื่อให้ใช้ถนนสำหรับรถจักรยานยนต์เท่านั้น แต่ชาวบ้านไม่พอใจจากการใช้เส้นทางคับแคบ ได้รวมตัวกันรื้อออกทั้งหมด และบางรายกล่าวหาว่าตนไม่เห็นแก่ประโยชน์ของส่วนรวม หรือทักท้วงตั้งแต่การก่อสร้างถนนในช่วงแรก ซึ่งยอมรับว่าญาติในพื้นที่ใกล้เคียงไม่ทราบว่าสร้างล้ำในที่ดินโฉนด
นางเฉลา กล่าวอีกว่า หลังจากกลับมาจากออสเตรเลียช่วงแรก เมื่อพบว่ามีการทำถนนคอนกรีต ส่วนตัวไม่ได้ห้ามรถใช้เส้นทาง แต่ได้ทำป้ายแจ้งเจ้าของรถยนต์ผู้ใช้เส้นทางว่าหากลอดทางกลับรถใต้สะพานแล้วขอให้ตรงไปบนถนนเพชรเกษมอย่าเลี้ยวซ้ายเข้าหมู่บ้านเนื่องจากผิวถนนคับแคบ และไม่ใช่เส้นทางหลัก เส้นทางไม่ได้มาตรฐานและเป็นที่ดินส่วนบุคคล ขอให้ไปใช้เส้นทางข้างอนามัยหนองบัว สำหรับเส้นทางที่ อบต.ใช้งบสร้างในที่ดินโฉนดยืนยันว่าไม่มีบุคคลภายนอกอาศัยนอกจากญาติพี่น้องสิบกว่าหลังคาเรือน ที่ผ่านมาได้รับความเดือดร้อนทรัพย์สินเสียหายอย่างต่อเนื่อง จากการเปิดใช้ทางสาธารณะ
ทั้งนี้“ ที่ดินมีการเสียภาษีถูกต้อง แต่เมื่อบอกกล่าวแล้วหลายครั้ง ให้เวลาปรับปรุงแก้ไขนานกว่า 1 ปี ยังมีผู้ใช้เส้นทางบางรายไม่พอใจ มีการนำขยะเข้ามาทิ้งในพื้นที่ นอกจากนั้นมีประชาชนบางรายท้าทายให้ปิดถนน ถามว่าปิดถนนมีหมายศาลหรือไม่ จึงแจ้งให้กรมทางหลวงใช้แบรเออร์ปิดเส้นทางกั้นในที่ดินโฉนด ทำให้มีคนโวยว่าได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากไม่ทราบมาก่อนว่าถนนเส้นนี้สร้างมานานหลายสิบปีในที่ดินโฉนด ” นางเฉลา กล่าว**
นายมนัส สุขอนุเคราะห์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 บ้านหนองบัว กล่าวว่า เจ้าของที่ดินได้ไปร้องเรียนกรมทางหลวงเพื่อปิดเส้นทาง เมื่อเจ้าหน้าที่นำแบริเออร์มาปิดชาวบ้านส่วนใหญ่ก็ไม่ทราบข้อเท็จจริงว่าทำไมต้องปิดถนน ชาวบ้านจึงมารวมตัวเพื่อรื้อแบริเออร์ สำหรับทางออกของปัญหากรมทางหลวง อบต.ก็จะต้องหารือกับเจ้าของที่ดิน หากปิดเส้นทางรถยนต์จริงชาวบ้านก็ต้องไปใช้จุดกลับรถถนนเพชรเกษมที่แยกปลาวาฬ พื้นที่ ต.คลองวาฬ ซึ่งไม่ปลอดภัย ส่วนการเปิดเส้นทางให้รถยนต์ผ่านได้กรมทางหลวงน่าจะขยายเส้นทางเดิมได้อีกโดยไม่ล้ำเข้าไปในที่ดินโฉนด**
**นายสุพจน์ เสริมทรัพย์ หัวหน้าหมวดทางหลวงประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่นำแบริเออร์ไปปิดเส้นทางที่ล้ำเข้าไปในที่ดินโฉนด ตั้งแต่ช่วงบ่ายวันที่ 19 มกราคม 2567 แต่ต่อมามีประชาชนใน ต.เกาะหลัก ต.คลองวาฬ ฝั่งตะวันตก ที่ใช้เส้นทางเป็นประจำไปรื้อแบริเออร์ เนื่องจากประสบปัญหาความเดือดร้อนต้องไปกลับรถบนถนนเพชรเกษมโดยใช้เส้นทางหลายกิโลเมตร และบางรายไปกลับรถโดยลอดใต้สะพานร่องแก้ว สำหรับการทำเส้นทางจุดกลับรถใต้สะพานหนองบัวที่ผ่านมาใช้งบของ อบต.เกาะหลัก หรืออาจเป็นงบส่วนตัวของอดีตนายก อบต. หลังจากขออนุญาตจากกรมทางหลวงทำถนนใต้สะพาน โดยดำเนินการก่อนหน้านี้นานกว่า 10 ปี สำหรับการรื้อถนนตามที่เจ้าของที่ดินยื่นเงื่อนไขเป็นหน้าที่ของ อบต.เกาะหลัก เนื่องจากถนนอยู่นอกเขตกรมทางหลวง**
**ด้านนายเมธา ศักดิ์เกิด อดีตปลัด อบต.เกาะหลัก กล่าวว่า การสร้างถนนคอนกรีตใต้สะพานและจัดที่รุกเข้าไปในเขตโฉนด ทราบว่ามีการใช้งบส่วนตัวจากอดีตผู้บริหารท้องถิ่นรายหนึ่ง หากเจ้าของที่ดินไม่ยินยอมก็ต้องรื้อเพื่อไม่ให้ปัญหาบานปลาย ส่วนการสร้างถนนในซอยความยาวกว่า 200 เมตร เจ้าของที่ดินได้ยกให้เป็นทางสาธารณะ จากนั้นใช้งบ อบต.ทำถนนคอนกรีตตามความกว้างของถนนเดิมซึ่งไม่ใช่เส้นทางที่มีมาตรฐานตามปกติ**