นายกฯ ส่งต่อเงินเดือนแก่มูลนิธิต่างๆ อย่างต่อเนื่อง พร้อมกับรัฐบาลจัดสรรงบเกือบ 1.4 ล้านล้านบาท เพื่อการพัฒนาเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์
19 ม.ค. 2567, 10:25
วันนี้ (วันที่ 19 มกราคม 2567) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ส่งต่อเงินเดือน และเบี้ยประชุมที่ได้รับจากการดำรงตำแหน่งให้กับมูลนิธิต่างๆ อย่างต่อเนื่อง พร้อมกับรัฐบาลได้จัดสรรเงินเกือบ 1.4 ล้านล้านบาท เพื่อการพัฒนา และเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การส่งต่อเงินเดือน และเบี้ยประชุมเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ทันที เนื่องจากเป็นการให้ของแต่ละบุคคล ไม่ต้องผ่าน พ.ร.บ. ต่าง ๆ ตามกลไกของรัฐสภาที่ต้องใช้เวลานาน โดยมูลนิธิที่นายกรัฐมนตรีส่งต่อตั้งแต่เริ่มในเดือนตุลาคม 2566 เป็นประจำทุกเดือนต่อเนื่องนั้น
- ครั้งที่ 1 เดือนตุลาคม 2566 มูลนิธิเด็ก (FOUNDATION FOR CHILDREN) เพื่อช่วยเหลือ ตั้งแต่ปัจจัยพื้นฐาน การดำเนินชีวิตและสวัสดิการต่างๆ
- ครั้งที่ 2 เดือนพฤศจิกายน 2566 ได้มอบให้กับ 4 มูลนิธิ มูลนิธิละ 50,000 บาท ได้แก่ (1) มูลนิธิอิสรชน องค์กรพัฒนาเอกชนที่พัฒนาทักษะชีวิตแก่คนด้อยโอกาสและผู้ยากไร้
(2) มูลนิธิคนพิการไทย เพื่อส่งเสริมกิจกรรมพร้อมสร้างอาชีพที่เป็นประโยชน์ต่อผู้พิการ (3) มูลนิธิบ้านพระพร องค์กรช่วยเหลือลูกของผู้ต้องขัง ผู้พ้นโทษ และเยาวชนเด็ก ให้คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และ (4) มูลนิธิสายธารสุขใจ เพื่อช่วยเหลือคนชราที่ถูกทอดทิ้ง
- ครั้งที่ 3 เดือนธันวาคม 2566 ได้มอบให้กับ 3 มูลนิธิ มูลนิธิละ 50,000 บาท ได้แก่ (1) มูลนิธิบ้านนกขมิ้น สมทบทุนให้โอกาสกับเด็กกำพร้า และเด็กด้อยโอกาส รวมทั้งสนับสนุนด้านการศึกษา เพื่อนำไปต่อยอดเป็นอาชีพในอนาคต (2) มูลนิธิอนุเคราะห์คนหูหนวกในพระบรมราชินูปถัมภ์ เพื่อสนับสนุนช่วยเหลือคนหูหนวกให้สามารถใช้ชีวิตได้เหมือนคนทั่วไป และ (3) มูลนิธิสุภา วงค์เสนา เพื่อสนับสนุนเรื่องโครงการแก้หนี้ทั้งระบบ ปฏิรูปสิทธิลูกหนี้ และเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยระหว่างลูกหนี้ และเจ้าหนี้
นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้จัดสรรงบประมาณเกือบ 1.4 ล้านล้านบาท (ร้อยละ 40.1) ของวงเงินงบประมาณ แบ่งเป็น ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ จำนวน 561,954.2 ล้านบาท เพื่อให้ประชาชนทุกช่วงวัยมีคุณภาพชีวิตที่ดี ครอบคลุมทั้งด้านการกีฬา การปรับเปลี่ยนค่านิยมและวัฒนธรรม การพัฒนาคุณภาพการศึกษา การพัฒนาศักยภาพคน และการเสริมสร้างสุขภาวะที่ดี เป็นต้น และด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม จำนวน 834,240.6 ล้านบาท เพื่อให้คนไทยได้รับสวัสดิการพื้นฐานอย่างทั่วถึง เป็นธรรม และลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมในทุกมิติ
“หัวใจหลักของการทำงานของรัฐบาล ที่นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญคือการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ และยกระดับชีวิตของพี่น้องประชาชนให้ดียิ่งขึ้น ด้วยความห่วงใยประชาชนโดยเฉพาะฐานล่างของปิรามิด ซึ่งการจัดสรรงบประมาณถึงร้อยละ 40.1 เพื่อมุ่งส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของบุคลากรในประเทศให้มีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น ช่วยต่อยอดในทุกโอกาสของความเป็นไปได้ของประเทศไทย และด้วยดำริของนายกรัฐมนตรีส่งต่อ “การให้” ตามแต่กำลังศรัทธาของแต่ละคน จึงได้ส่งมอบเงินเดือนและเบี้ยประชุมให้กับมูลนิธิต่าง ๆ และได้ทำมาอย่างต่อเนื่อง”นายชัย กล่าว