โฆษก มท. แจงปม อปท.รายได้ไม่ถึงเป้า ชี้ รบ.กระจายทรัพยากรตามภารกิจความจำเป็นของพื้นที่
4 ม.ค. 2567, 16:15
วันนี้ ( 4 ม.ค.67 ) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทยและโฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า จากการประชุมพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 วาระที่ 1 ในวันที่ 3 ม.ค. 67 ที่ผ่านมา ได้มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จากพรรครัฐบาลและฝ่ายค้าน หลายท่านได้อภิปรายในประเด็นเกี่ยวกับรายได้ งบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) โดยเฉพาะในประเด็นสัดส่วนรายได้ของ อปท. ที่ตามงบประมาณรายจ่ายปี 2567 ได้รับการจัดสรร 810,031.7565 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 29.06 ต่อรายได้สุทธิของรัฐบาล ยังไม่ถึงถึงร้อยละ 35 ตามที่ พ.ร.บ. กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นฉบับที่ 2 พ.ศ. 2549 กำหนดไว้เป็นเป้าหมาย
เกี่ยวกับประเด็นนี้ แม้สัดส่วนรายได้ของ อปท. ยังไปไม่ถึงเป้าหมาย แต่การดำเนินการจัดสรรงบประมาณต่างๆ รัฐบาลได้มีการคำนึงถึงความเท่าเทียมและเป็นธรรมในการกระจายทรัพยากรงบประมาณไปยังภาคส่วนต่างๆ ของประเทศภายใต้งบประมาณที่จำกัด ซึ่งในจำนวนนี้ก็พิจารณาถึงสัดส่วนการอุดหนุนให้ อปท. ที่ได้พิจารณาตามบริบทข้อเท็จจริงแต่ละพื้นที่ด้วย
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยในฐานะหน่วยงานที่กำกับ อปท. ทั่วประเทศ ได้มีแผนพัฒนารายได้ อปท. ที่ชัดเจน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเพิ่มรายได้ อปท. โดยคำนึงถึงระยะเวลาที่เหมาะสมกับการพัฒนาและเป็นไปตามภารกิจที่ถ่ายโอนให้ อปท. ประกอบด้วยการผลักดันผ่านแนวทางต่างๆ ดังนี้ การจัดทำร่าง พ.ร.บ.รายได้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ....เพื่อปฏิรูปโครงสร้างรายได้ที่จะมาจาก 4 รายได้ 4 ประเภท ได้แก่ ภาษีท้องถิ่น, ภาษีที่ใช้ฐานร่วมระหว่างรัฐกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น, ภาษีที่รัฐจัดสรรให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และ เงินอุดหนุนจากรัฐ ซึ่งกฎหมายฉบับนี้จะทำให้ อปท.ยืนบนฐานรายได้จัดเก็บเองและมีอิสระมากขึ้น
พร้อมกันนี้ ได้มีการพัฒนาระบบให้มีการนำเทคโนโลยี สารสนเทศมาใช้ในกระบวนการจัดเก็บภาษี เพื่อให้สามารถตรวจสอบการยื่นแบบแสดงรายการชำระภาษีได้อย่าง รวดเร็วและแม่นยำ ใช้ระบบบริหารความเสี่ยงต่างๆ ติดตามการจัดเก็บภาษีของธุรกิจที่มีศักยภาพ ให้บริการรับชำระภาษีแบบ One Stop Service
นอกจากนี้ การที่ พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 มีผลบังคับใช้แล้วโดยได้ยกเลิกภาษีโรงเรือนและที่ดินและภาษีบำรุงท้องที่โดยใช้ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างแทน กฎหมายนี้จะทำให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดเก็บรายได้เพิ่มมากขึ้นในอนาคต รวมทั้ง พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 กำหนดกลไกให้ อปท. สามารถจัดทำคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีเสนอตรงไปสำนักงบประมาณได้โดยตรง ตามความจำเป็นของท้องถิ่นและพื้นที่และจะได้รับเงินอุดหนุนที่เพิ่มขึ้นด้วย
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ยังมีการอภิปรายในประเด็นอื่น อาทิ การถ่ายโอนภารกิจ รพ.สต. ไปยัง อปท. ได้ประสบปัญหาบุคลากรและเครื่องมือทางการแพทย์ไม่เพียงพอ กระทรวงมหาดไทยไม่ได้นิ่งนอนใจต่อประเด็นนี้ โดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นได้มีการประสานงานกับหน่วยงานเกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาในช่วงการถ่ายโอนเพื่อไม่ให้กระทบต่อการให้บริการแก่ประชาชน
โดยในส่วนของการแก้ไขปัญหาเรื่องบุคลากร ภายใต้กฎหมายปัจจุบัน อปท. สามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าว ได้โดยจ้างเหมาบุคลากรทางด้าน สาธารณสุข เช่น แพทย์ พยาบาล บุคลากรด้านสาธารณสุข ที่เกษียณอายุราชการ หรือที่ปฏิบัติงานในเอกชนมาให้บริการประชาชนไปพลางก่อนได้ แต่เพื่อแก้ไขปัญหาระยะยาว กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นได้ ร่วมกับสำนักงบประมาณในการจัดทำแนวทางแผนการสรรหาบุคลากรทดแทนตามมติที่ประชุมคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งจะได้และซักซ้อมความเข้าใจให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ตามแผนดังกล่าวต่อไป
ทางด้านอุปกรณ์ เครื่องมือแพทย์นั้น อปท. ที่รับการถ่ายโอนภารกิจหลายแห่ง ได้มีการจัดซื้อ ครุภัณฑ์ทางการแพทย์ได้ เช่น รถทันตกรรมเคลื่อนที่ รถเอกซเรย์เต้านมเคลื่อนที่ เครื่องตรวจตาในผู้ป่วยเบาหวาน ติดตั้งระบบการแพทย์ทางไกล Telemedicine ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสให้กับประชาชนในการได้รับบริการที่ทันสมัย ทั่วถึงและเท่าเทียม และยังเป็นการแก้ไขปัญหาบุคลากรที่ขาดแคลนอีกทางหนึ่งด้วย