เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



"อาวัย 61 ปี" ใช้ปืนแก๊ปยิงหลานสาวหวิดดับ


25 ธ.ค. 2566, 13:34



"อาวัย 61 ปี" ใช้ปืนแก๊ปยิงหลานสาวหวิดดับ




วันที่ 25 ธันวาคม 2566 ผู้สื่อข่าว ONBnews รายงานว่า  เกิดเหตุอาใช้ปืนแก๊ปยิงหลานสาวหวิดดับ ในพื้นที่อำเภอจุน จังหวัดพะเยา หลังรับไม่ได้ทนเห็นพฤติกรรมของหลานสาวที่ก่อเหตุสร้างความวุ่นวายในหมู่บ้านรวมทั้งชอบขโมยทรัพย์สินของเพื่อนบ้าน จนสร้างความอับอายให้กับญาติ ล่าสุดจึงตัดสินใจใช้ปืนแก๊บที่เป็นของตนเองยิงหลานสาวบริเวณใบหน้าได้รับบาดเจ็บสาหัส จากนั้นได้ซ่อนตัวอยู่ภายในบริเวณบนบ้าน

 

 



เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรจุน อำเภอจุน จังหวัดพะเยา นำกำลังเข้าทำการปิดล้อม บ้านเลขที่ 276 หมู่ 3 ตำบลห้วยยางขาม อำเภอจุน จังหวัดพะเยา หลังเกิดเหตุ นายแสวง ไชยมงคล อายุ 61 ปี ซึ่งเป็นอาใช้ปืนแก๊ปยิงหลานสาว นางอ้อยใจ หว่อง อายุ 45 ปี ซึ่งอยู่บ้านเดียวกัน จากนั้นจึงได้ทำการหลบอยู่บนบ้าน จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องนำกำลังเข้าทำการปิดล้อมและจับกุมภายในบริเวณบนบ้านและตรวจค้นพบอาวุธปืนแก๊บพร้อมเครื่องกระสุน

 

 

 

 

 


ซึ่งจากการสอบสวนนายแสวง ไชยมงคล ยอมรับสารภาพว่า ตนเป็นผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืน (ปืนแก๊ป) ยิงนางอ้อยใจ หว่อง ที่บริเวณบ้านหลังที่เกิดเหตุจริง เนื่องจากตนทนพฤติกรรมก่อความวุ่นวาย ลักขโมย ในหมู่บ้านไม่ได้ ทำให้ตนเกิดความอับอาย ตักเตือนหลายครั้งแล้ว ยังไม่หยุดพฤติกรรมดังกล่าว ตนเลยเกิดบันดานโทสะใช้อาวุธปืนยิงนางอ้อยใจ หว่อง ต่อมานายแสวงฯ ได้พาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมไปตรวจยึดอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่บริเวณห้องนอนของตน โดยตรวจยึดอาวุธปืนยาวไทยประดิษฐ์ชนิดประกอบขึ้นเองแบบประจุปาก (ปืนแก๊ป )ไม่มีหมายเลขทะเบียน จำนวน 1 กระบอก ได้ที่บริเวณข้างพูกนอนของนายแสวง ฯและทำการตรวจยึดเครื่องกระสุนปืนประกอบด้วย แก๊ป ขลุ๋ยมะพร้าว ดินปืน และลูกตะกั่ว จำนวน 1 ชุด ได้ที่บริเวณบนหัวนอนของนายแสวงฯ เพื่อเป็นของกลางในคดี จึงได้แจ้งนายแสวง ฯทราบว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดฐาน “พยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา , มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ,ยิงปืนในเมืองหมู่บ้านโดยไม่มีเหตุอันควร ) และได้ทำการจับกุมตัวนายแสวง ฯ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

 


 

 






Recommend News






MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.