ชีวิตสุดรันทด ! แม่เอาบ้านไปจำนองเงินกู้นอกระบบ 2 แสนบาท ส่งเสียให้ลูกเรียน วอน! นายกฯ ช่วยเหลือด่วน
19 ธ.ค. 2566, 04:57
เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 2566 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านหลังหนึ่งเขต ต.หนองแก้ว อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ เนื่องจากทราบข่าวว่า เจ้าของบ้านหลังดังกล่าวกำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เนื่องจากว่า มีอาชีพทำงานรับจ้างทั่วไป และเป็นลูกหนี้เงินกู้นอกระบบต้องรับผิดชอบเลี้ยงดูส่งเสียหลานชาย จำนวน 3 คน และลูกสาว จำนวน 2 คน ที่กำลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยชื่อดัง 2 แห่งของ จ.ศรีสะเกษ เมื่อไปถึงได้พบกับ นางแพงศรี อายุ 49 ปี เจ้าของบ้านกำลังยืนให้อาหารเลี้ยงไก่อยู่ที่บริเวณข้างบ้าน ซึ่งสภาพบ้านค่อนข้างเก่าทรุดโทรมมาก ภายในบ้านมีเสื้อผ้า ที่นอนหมอนมุ้งและเครื่องใช้ที่เก่ามาก อับทึบ ไม่มีช่องทางระบายอากาศ มีไฟฟ้าส่องสว่างดวงเล็ก ๆ เพียง 2 ดวงเท่านั้น โดยบริเวณกรงเลี้ยงไก่อยู่ติดกับบริเวณบ้าน ซึ่งมีเตาไฟติดไฟอยู่ทำเป็นครัวในบ้านด้วย ภายในบ้านใช้เป็นที่นอนเท่านั้น ไม่มีโทรทัศน์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เป็นเครื่องอำนวยความสะดวกแต่อย่างใด
นางแพงศรี อายุ 49 ปี เจ้าของบ้าน เล่าด้วยอาการเศร้าสร้อยว่า ตนมีอาชีพเก็บของเก่าขาย เผาถ่านขายบ้างและเลี้ยงไก่ขายไข่ไก่ ขายไก่ไปตามเรื่องและรับจ้างทั่วไป เนื่องจากว่าแม่ของตนป่วยเป็นโรคมะเร็งและลูกสาว 2 คน หลาน 3 คน กำลังเรียนหนังสือ ตนจึงจำเป็นต้องไปกู้เงินนอกระบบตอนแรกกู้เงินรายวันคิดดอกร้อยละ 20 ตนไม่ได้คิดว่าร้อยละ 20 น่าจะมากกว่านั้นเพราะว่าใช้หนี้รายวัน ซึ่งตนกับสามีพยายามใช้หนี้ไปจนหมด ขณะนี้เหลืออยู่แต่หนี้บ้านเพราะว่า ตนได้นำเอาบ้านไปจำนองกับนายทุนเงินกู้นอกระบบ ได้เงินมาจำนวนประมาณ 50,000 บาท แต่ต่อมาตนกับสามีไม่มีเงินที่จะส่งทั้งเงินต้นและเงินดอกเบี้ย ทำให้มีหนี้สินเพิ่มเป็นประมาณ 200,000 บาท ซึ่งบ้านหลังนี้นายทุนตีราคามา 200,000 บาท โดยนายทุนต้องการให้ตนใช้หนี้โดยด่วน เนื่องจากว่าตนติดหนี้มานานหลายปีแล้ว และนายทุนได้มีหนังสือแจ้งให้ตนไปชำระหนี้ หากไม่นำเอาเงินไปชำระหนี้ภายในกำหนดจะถูกดำเนินคดีฟ้องยึดเอาบ้านของตน ที่ตนเอาบ้านไปจำนองไว้ เพื่อนำเอาเงินมาใช้ในการรักษาแม่ที่ป่วยเป็นมะเร็งและลูกที่กำลังเรียนหนังสือ ตนรักษาแม่ที่ป่วยเป็นมะเร็งอยู่ 4 ปีจนกระทั่งแม่ได้เสียชีวิต ส่วนลูกสาว 2 คนกำลังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยชื่อดัง 2 แห่ง ตนยังต้องรับผิดชอบเลี้ยงหลานชายอีก 3 คนที่กำลังเรียน เนื่องจากหลานชาย 2 คนแม่เสียชีวิต มีพ่อก็ไม่เอาถ่านหากินไปวันๆ เท่านั้นไม่สนใจว่าลูกจะอยู่จะกินยังไง หลานชายอีกคนนึงไม่มีพ่อมีแต่แม่และแม่ได้ตายไป 4 – 5 ปีแล้ว ตนเดือดร้อนมากกินไม่ได้นอนไม่หลับแทบจะฆ่าตัวตายมาแล้วหลายครั้ง แต่ลูกหลานให้กำลังใจสามีของตนก็ไม่ได้ทอดทิ้งเพราะว่าลำบากมาด้วยกันก็สู้ไปด้วยกัน ตนไม่รู้ว่าจะเดินไปทางไหนเพราะตันไปหมด เงินที่หามาได้ต้องใช้ในการดูแลลูกกับหลาน ตนยังไม่มีเงินใช้หนี้เลย ไปทำงานรับจ้างหาเงินมามีเงินติดกระเป๋าอยู่ 100 – 500 บาทก็ใช้ในการซื้อกับข้าวให้ลูกหลานกินเช้ากลางวันเย็น เงินหมดก็หาเงินใหม่หาเช้ากินค่ำไปวัน ๆ เท่านั้น
นางแพงศรี อายุ 49 ปี เจ้าของบ้าน เล่าด้วยน้ำตาคลอเบ้าต่อไปว่า ตอนนี้ตนรู้สึกท้อมากกำลังใจก็อยู่กับลูกกับสามีกับหลาน เพราะเช้ามาก็หาข้าวหาปลาให้ลูกให้หลานกินก็ดีใจ ตนกำลังลำบากมาก จนไม่รู้จะอยู่ยังไงชาวบ้านก็เคยเห็นใจก็ช่วยได้นิดหน่อย แต่ว่าเพื่อนบ้านก็ให้กำลังใจดี ตนต้องรับภาระหนักมากลูกสาว 2 คนกำลังเรียนระดับมหาวิทยาลัย หลานชายจะเรียนอยู่ชั้น ป.1,ป. 5 และ ป. 6 ตามลำดับ ตนต้องดูแลคนเดียวรายจ่ายวันนึงต้องจ่ายให้หลานไป ร.ร.คนละ 40 บาท 3 คนก็เป็นเงิน 120 บาทต่อวัน และต้องจ่ายเป็นค่ากับข้าว ตนจะซื้อหมูปิ้งไม้ละ 10 บาท จำนวน 3 ไม้เป็นเงิน 30 บาท เพื่อให้หลาน 3 คน กินเป็นอาหารเช้าคนละ 1 ไม้ก่อนไป ร.ร. ซึ่งรวมแล้วจะต้องจ่ายเงินให้หลานวันละเกือบ 200 บาทที่ต้องกิน ขอให้เด็กได้กิน ไม่มีก็ต้องหา ตัวเองไม่มีกินก็ไม่เป็นไร ตนก็ไปหาปูหาปลาในห้วยหนองเป็นอาหารได้บ้างไม่ได้บ้าง ตนลำบากมากหันหน้าไปทางไหนก็ไม่มีใครอยากคุยด้วยเพราะเป็นคนจน จากที่ตนเคยเป็นคนชอบช่วยเหลือคน ทำมาหากินมีอะไรก็แบ่งปันเค้ากินหมดไม่เคยหวงอะไรช่วยเหลือเพื่อนตลอด แต่ก็ไม่ได้คิดว่าวันหนึ่งตนจะต้องมีสภาพแบบนี้ ตนรับจ้างมาตลอดจนอายุ 50 แล้วก็ยังมีสภาพเป็นแบบนี้ ตนขอฝากถึงท่านผู้หลักผู้ใหญ่ที่ดูแลในส่วนนี้ ท่านเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและท่านไหนก็ได้ที่พอจะช่วยดูแลตนได้ นึกว่าช่วยลูกหมาลูกแมวตาดำๆไว้เถอะ เพราะตนต้องรับผิดชอบถึง 5 ชีวิตด้วยกัน ไม่เคยมีเงินเก็บมีแต่ใช้หนี้ไปวันๆ หากไม่มีเงินกู้ กยศ.ตนคงคิดว่าลูกไม่ได้เรียนต่อ คิดว่าคงจะต้องออกจากการเรียนหนังสือมาทำงานหากินประทังชีวิตไปวันๆ เท่านั้น