แม่ค้าหน้าด่านเจดีย์ฯ เดือด! ทนเหม็นกลิ่นยางพาราแถมฉี่เรี่ยราด มา 4 เดือน ไม่ไหว โพสต์ประจาน
8 พ.ย. 2566, 14:09
ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า พบบุคคลที่ใช้เฟสบุ๊กว่า “Mam Wanida Kanthauont”นำภาพสภาพพื้นดินที่เป็นหลุมเป็นบ่อเปียกแฉะไปด้วยโคลนรวมทั้งน้ำฝนและน้ำยางพาราที่ไหลลงมาจากรถพ่วงบรรทุกยางพาราที่จอดเรียงรายอยู่ที่บริเวณดังกล่าวหลายสินคัน มาโพสต์ลงในเฟสบุ๊กส่วนตัว พร้อมกับบรรยายรายละเอียดถึงผลกระทบจากมลพิษทางอากาศ เอาไว้ว่า
“เราขอใช้พื้นที่ระบายเราเป็นแม่ค้าหน้าด่านเจดีย์ และเราก็เป็นคนเจดีย์ต้องมาทนดมกลิ่นเหม็นเน่าของยางพารามาตลอดหน้าฝน และมีหน่วยงานเข้ามาคุยว่าจะหาทางย้ายที่ขนถ่ายยางพารา นี่ผ่านมาเกือบ4เดือนแล้วตอนนี้ก็ยังเหมือนเดิม ที่ชาวบ้านบอกว่าเป็นด่านผ่อนปรนเพื่อการท่องเที่ยวและค้าขายของเบ็ดเตร็ดแบบวิถีชาวบ้านพอเพียง ตรงไหนค่ะ
ที่สำคัญตอนนี้รถบรรทุกสิบล้อพ่วงขนยางพาราเต็มหมู่บ้านไปหมดจอดกันเต็มสองฟากทาง และลานจอดรถที่ด้านหน้ามีไว้สำหรับนักท่องเที่ยวจอดก็เป็นที่ขนถ่ายยางพารา #ณ.ตอนนี้ด่านเจดีย์สามองค์ที่เป็นประวัติที่ผ่านมายาวนานคงต้องปิดตัวลงแล้ว# เพราะกลายเป็นที่ขนสินค้าโดยเฉพาะยางพารา เราชาวแม่ค้าคงต้องหาทางเปลี่ยนอาชีพเพื่อความอยู่รอดกัน เพราะไม่มีใครมาช่วยเราได้
จึงฝากข้อความนี่ถึงผู้ใหญ่ที่มีหน้าที่ขอความอนุเคราะห์จากท่านขอช่วยเหลือเราชาวด่านเจดีย์สามองค์ด้วยค่ะ ขอขอบคุณนะค่ะ เรามีภาพให้ดูด้วยนะว่าคุณมาแล้วทิ้งอะไรไว้ให้เราชาวเจดีย์บ้างนะ
1.ลานจอดรถ ถนนพังเป็นหลุมเป็นบ่อ หน้าฝนก็เละไม่มีนักท่องเที่ยวมาจอด 2.การจราจร นักท่องเที่ยวชาวบ้านจอดรถ หาที่จอดรถไม่ได้เพราะรถยางจอดเต็มพื้นที่ 3.ส่งกลิ่นเหม็นตลบอบอวล นักท่องเที่ยวจอดรถพอเปิดประตูก็รีบปิดประตูบอกเหม็น แล้วถามว่าทนอยู่ได้ยังไงเราบอกว่าต้องทนค่ะ เพราะเราต้องทำมาหากินที่นี่
และ 4. คนงานจากฝั่งพม่าที่มายกขนถ่ายยางมีส่วนน้อยที่มาเข้าห้องน้ำเพื่อขับถ่าย คงไม่ต้องบอกนะว่าขับถ่ายกันที่ใดก็ข้างกำแพงวัดไงค่ะ แล้วก็ทิ้งขยะให้เกลื่อนกราด ขึ้นมาทำงานวันล่ะประมาณ 40-50 คนมองจากสายตานะค่ะ มีอีกเรื่องอีกมากมายค่ะมาสอบถามเราได้ค่ะ เราอยู่หน้าด่านมาหาเราได้ค่ะ ขอขอบคุณที่ทนอ่านมาจนถึงบรรทัดสุดท้ายนะค่ะ”
จากรณีข้างต้นล่าสุดเมื่อเวลา 16.00 น.ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบเจ้าของเฟสบุ๊ก ทราบชื่อคือคุณแหม่ม เป็นเจ้าของร้านขายกาแฟ ร้านอยู่ติดกับลานจอดรถที่มีการขนถ่ายยางพารา พื้นที่บ้านพระเจดีย์สามองค์ หมู่ 9 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวมีชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน
โดยคุณแหม่ม ผู้โพสต์เฟสบุ๊ก เล่าว่า ทุกวันนี้พวกพี่ได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก เพราะปกติแล้วในช่วงฤดูฝน แทบจะไม่มีนักท่องเที่ยวมาเลย แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร แต่ตอนนี้ฝนเริ่มหยุดตก นักท่องเที่ยวก็เริ่มกลับเข้ามาแล้วเพราะเข้าสู่ซ่วงไฮซีซั่น แต่ปรากฏว่าปัจจุบันบริเวณลานที่มีไว้สำหรับให้นักท่องเที่ยวได้นำรถไปจอด ทุกวันนี้นั้นทั้งที่ลานจอดรถนักท่องเที่ยวรวมทั้งบริเวณถนน เต็มไปด้วยรถพ่วงขนถ่ายและบรรทุกยางพาราที่ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วบริเวณ เมื่อนักท่องเที่ยวมาก็ไม่มีที่จอด แถมเวลาเปิดประตูออกมากลิ่นก็พุ่งกระจายเข้าไปในรถของนักท่องเที่ยว ทำให้ทุกคนต้องเดินทางกลับทันที
จากกลิ่นที่เหม็น ชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ต่างก็เดือดร้อนไปทั่ว ส่วนตัวแล้วพี่ทนกับกลิ่นเหม็นนี้มานานกว่า 4 เดือนแล้ว ดังนั้นอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงมาช่วยชาวบ้านอย่างพวกพี่ที่เป็นชาวบ้านตาดำๆที่ทำมาหากินอยู่ในพื้นที่ด้วย ที่ผ่านมาไม่มีหน่วยงานไหนเข้ามาช่วยเลย จึงจำเป็นต้องอาศัยสื่อมวลชนช่วยเป็นกระบอกเสียงให้
ขณะที่นางเล็ก เจ้าของร้านขายของที่ระลึกบริเวณตลาดด่านเจดีย์สามองค์ กล่าวว่าทุกวันนี้พวกเราเดือดร้อนจากกลิ่นเหม็นของยางพาราเป็นอย่างมาก เนื่องจากขายของไม่ได้ เมื่อนักท่องเที่ยวมาถึงแล้วได้กลิ่นเหม็นก็ไม่แวะที่ร้านเพราะทุกคนเหม็นกลิ่นขี้ยาง ส่วนที่บริเวณลานขนสินค้าขยะก็เต็มไปหมดเนื่องจากคนงานที่มาแบกยางพาราทิ้งกันเรี่ยราด เวลาปวดฉี่ก็ไม่ยอมเข้าห้องน้ำแต่กลับไปยืนฉี่ข้างกำแพงวัดกันหมด ทำให้ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวเห็นทั้งฉี่และขี้ยางไปด้วย
นอกจากนี้รถบรรทุกยางพาราที่วิ่งมาจากฝั่งประเทศเมียนมาพม่า ทำให้มีฝุ่นละอองกระจายไปตามอากาศ ซึ่งช่วงนี้กำลังเข้าสู่ฤดูหนาว ฝุ่นได้ปลิวกระจายไปเกาะสินค้าที่นำมาวางขายเป็นจำนวนมาก นอกจากกลิ่นแล้ว ทำให้ต้องมาเสียเวลาทำความสะอาดสินค้าและร้านค้าแทบทุกวันที่มีการมาขนถ่ายยางพารา
รายงานว่า สำหรับพื้นที่ด่านพรมแดนบ้านพระเจดีย์สามองค์ หมู่ 9 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี เป็นจุดผ่อนปรนทางการค้าชั่วคราวเพื่อการท่องเที่ยว ภูมิประเทศตั้งอยู่บริเวณช่องเทือกเขาตะนาวศรี ที่กั้นพรมแดนไทย-เมียนมา มีความสูง 282 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง