ล่าข้ามจังหวัด "โจรสาวใหญ่" เครือข่ายภาคกลาง ตระเวนลักเครื่องรถไถนาชาวบ้าน
9 ต.ค. 2566, 18:30
ที่จังหวัดสุพรรณบุรี พ.ต.ท.จิรวัฒน์ อินสว่าง รองผู้กำกับสืบสวน สภ.เดิมบางนางบวช และ พ.ต.ท.ณัฐวุฒิ ราศี สารวัตรสืบสวน สภ.สามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี นำกำลังชุดสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายก่อเหตุตระเวนลักทรัพย์ เครื่องรถไถนาใช้สำหรับสูบน้ำเข้านาของเกษตรกร ในพื้นที่ อำเภอสามชุก และอำเภอเดิมบางนางบวช หลายวันติดต่อกันได้ผู้ต้องหาเป็นหญิงพร้อมของกลางเครื่องรถไถนา 2 เครื่องและรถยนต์เก๋งที่ใช้ก่อเหตุโดยติดตามจับได้ในเขตพื้นที่ รอยต่อจังหวัดสิงห์บุรี - นครสวรรค์
การติดตามจับกุมผู้ต้องหาครั้งนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ที่ผ่านมา ได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนเข้าไปก่อเหตุลักทรัพย์เครื่องมือการเกษตร เครื่องรถไถนาใช้สำหรับสูบน้ำเข้านา พื้นที่ตำบลวังลึก อำเภอสามชุก หลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.ณัฐวุฒิ กันตะยศ ผู้กำกับ สภ.สามชุก สั่งการให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่สืบหาเบาะแสของคนร้ายที่ก่อเหตุ ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สภ.สามชุกอยู่ระหว่างสืบหาเบาะแสคนร้าย
ต่อมาวันที่ 8 ตุลาคม คนร้ายได้เข้าไปก่อเหตุลักทรัพย์เครื่องรถไถนา ของชาวบ้านในพื้นที่ตำบลเขาพระ อำเภอเดิมบางนางบวช ที่นำมาติดตั้งสูบน้ำเข้านา หลังเกิดเหตุฝ่ายสืบสวน สภ.เดิมบางนางบวช ก็เร่งสืบหาเบาะแสคนร้าย และได้ข้อมูลว่าคนร้ายที่ก่อเหตุยังไม่ทราบจำนวนใช้รถเก๋งยี่ห้อฮอนด้าแจ๊สสีดำ หมายเลขทะเบียน กม 1105 สุพรรณบุรี เป็นยานพาหนะในการก่อเหตุ ซึ่งข้อมูลตรงกันกับ ของ สภ.สามชุก เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สภ.สามชุก และ ชุดสืบสวน สภ.เดิมบางนางบวช จึงวางแผนการจับกุมร่วมกัน โดยวางกำลังตามจุดต่างที่คาดว่าคนร้ายจะใช้เป็นทางผ่านพร้อมกันนี้ก็ประสานสายตรวจ ตำบล และผู้นำท้องถิ่นช่วยกันออกตรวจ
กระทั่งเวลาประมาณเที่ยงคืนกว่าวันที่ 9 ตุลาคม เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากชาวบ้านหมู่ ที่ตั้งเครื่องสูบน้ำเข้านา หมู่ 5 ตำบลหนองผักนาก อำเภอสามชุก ว่าว่ามีต้องสงสัยจอดอยู่ที่เครื่องสูบน้ำแต่พอเห็นไฟรถของเจ้าของเครื่อง รถยนต์คันดังกล่าวได้ขับออกไปอย่างรวดเร็ว และชาวบ้านสังเกตเห็นป้ายทะเบียนจำได้คือ ทะเบียน กม 1105 สุพรรณบุรี ซึ่งตรงกับรถต้องสงสัย เจ้าหน้าที่จึงไล่ติดตามและพยายามให้คนขับหยุดรถเพื่อตรวจค้นแต่คนขับไม่ยอมหหยุดกลับเร่งเครื่องหนี มุ่งหน้าเข้าจังหวัดสิงห์บุรี เจ้าหน้าที่ไม่ยอมลดละติดตามไปอย่างกระชั้นชิด กระทั่งถึงพื้นที่อำเภอตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ รถผู้ต้องหาน้ำมันหมด ไปต่อไม่ได้ แต่ถึงแม้น้ำมันจะหมดผู้ต้องหาก็ไม่ยอมจำนนไม่ยอมลงจากรถ เจ้าหน้าที่ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงจึงยอมลงจากรถพบว่าเป็นหญิงทราบชื่อ น.ส.อโณชา จงประจันต์ (ฟ้า) อายุ 46 ปีบ้านอยู่ ตำบลด่านช้าง อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี แต่ผู้ต้องหาก็โวยวาย ตรวจสอบในรถพบเครื่องรถไถนายี่ห้อยันมาร์ รุ่นเก่า 2 เครื่อง รถเข็น 1 คัน คีมตัดเหล็ก 1 อัน อยู่ที่เบาะหลังรถ ผู้ต้องหาไม่ยอมรับว่าขโมยเครื่องสูบน้ำอ้างว่าซื้อมาจาก อำเภอบางบัวทอง จะไปส่งให้เพื่อนที่จังหวัดเชียงราย
เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวพร้อมของกลางมาสอบสวนต่อที่ สภ.สามชุก จากการสอบสวนผู้ต้องหาก็ยังปากแข็งให้การปฏิเสธพูดจาวกวนอ้างว่าตัวเองเป็นผู้ป่วยจิตเวช เมื่อเห็นผู้สื่อข่าวผู้ต้องหาบอกหนูอยากเป็นออกข่าวหนูเป็นจิตเวช หนูไม่ได้ลักเครื่องรถไถ หนูซื้อมาจากคนรู้จักกันที่อำเภอบางบัวทอง 2 เครื่องราคาประมาณ 16,000-17,000 บาทจะไปขายต่อให้เพื่อน ที่จังหวัดเชียงรายกะได้กำไรสัก 4,000-5,000 บาทแต่มาถูกจับ
ทางด้านนายสมหมาย เที่ยงจันทร์เที๊ยะ อายุ 70 ปีหนึ่งในผู้เสียหายหลังจากเจ้าหน้าที่จับผู้ต้องหาได้ ได้เดินทางมาดูตัวผู้ต้องหาและของกลางเครื่องรถไถนายี่ห้อยันมาร์รุ่นเก่า 2 เครื่องที่ยึดมาได้และยืนยันว่าเครื่องรถไถที่ยึดมานี้คือของตน ที่ตั้งสูบน้ำไว้ที่นามานานแล้ว อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ จะได้รวบรวมพยานหลักฐานก่อนแจ้งข้อกล่าวหา
สำหรับประวัติของผู้ต้องหารายนี้ไม่ธรรมดา เคยถูกจับคดีลักทรัพย์ ท้องที่ สภ.สามชุก และจังหวัด ลพบุรี มีเครือข่ายในภาคกลาง ทั้ง ลพบุรี ชัยนาท สิงห์บุรี อยุธยา นครสวรรค์ และเพชรบูรณ์ และอยู่ระหว่างประกันตัวสู้คดี กระทั่งมาถูกจับดังกล่าว